วันอาทิตย์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

เงินสี่ด้าน

เงินสี่ด้าน


ผมจะมาอธิบายเรื่องของเงินสี่ด้าน ว่าแต่ละด้านมีแนวคิดและวิธีการทำงานที่แตกต่างกันอย่างไร และให้คุณคิดตามว่าคุณคือคนในด้านใด 


คนในด้าน E (ลูกจ้าง)
คนเหล่านี้มักจะมองหางานดีๆทำ ที่มีความมั่งคงและสวัสดิการดีๆ เพื่อตอบสนองความรู้สึกกลัวที่จะไม่มีเงิน ดังนั้นพวกเขาปรารถนา สวัสดิการ หมายถึงการที่คนต้องการผลตอบแทน เพิ่มเติม เป็นค่าตอนแทนพิเศษทำให้พวกเขารู้สึกอุ่นใจยิ่งขึ้น เช่น ประกันสุขภาพ หรือโครงการเกษียณอายุ คนในด้าน E จึงยอมที่จะทำงานไปตลอดชีวิตเพื่อแลกกับความมั่งคงและสวัสดิการ ถึงแม้พวกเขาจะทำงานหนักมากเท่าไหร่รายได้ก็จะเท่าเดิมทุกเดือน แต่ในขณะที่เจ้าของกิจการได้รับผลประโยชน์มากขึ้นเรื่อยๆ
คำพูดของคนด้านEก็คือ ฉันกำลังมองหางานที่ปลอดภัยและมั่งคง ได้เงินเดือนดีๆ และมีสวัสดิการที่ยอดเยี่ยม 


คนในด้าน S (เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก)
คนกลุ่มนี้คือคนที่อยากเป็น นายตัวเอง หรือ ทำอะไรที่เป็นของตัวเอง ผมเรียกคนกลุ่มนี้ว่าพวก ฉันทำเอง เป็นพวกนิยมความสมบูรณ์แบบ พวกเขาต้องการที่จะทำอะไรบางให้ดีมากๆ ในใจของเขาไม่คิดว่าใครจะทำได้ดีกว่าตนเอง เลยไม่เคยไว้ใจให้ใครทำอะไรทั้งนั้น ชอบความอิสระในชีวิต คนพวกนี้เข้าใจดีว่าถ้าไม่ทำงานหนักก็ไม่สมควรจะได้รับเงินมากๆ ดังนั้นถ้าเป็นเรื่องของเงิน คนด้านนี้จะมีจิตวิญญาณที่กระเหี้ยนกระหือรืออย่างยิ่ง แต่ลองคิดอีกด้านนึงคือ ถ้าคนในด้าน S หยุดงานเขาจะไม่มีรายได้ และถ้าป่วยล่ะก็ต้องหยุดยาว รายได้ก็หายไปเยอะ ทำให้กิจการแย่ลง และคนในด้านนี้ก็ทำต้องทำงานตลอดชีวิตเช่นกันกับคนด้าน E 
คำพูดของคนด้าน S ก็คือ ฉันยังไม่เจอใครทำงานถูกใจเลย


คนในด้าน B (เจ้าของกิจการ)
คนกลุ่มนี้จะตรงข้ามกับคนในด้าน S คนในด้านนี้ชอบที่จะรายล้อมต้วเองด้วยคนฉลาดๆ ชอบที่จะแบ่งงานให้คนอื่นทำ และคิดว่า จะทำเองไปทำไม ในเมื่อจ้างคนอื่นทำได้ และพวกเขาก็ทำได้ดีกว่าซะอีก 
คนด้าน Bแท้ๆ สามารถที่จะทิ้งธุรกิจของตัวเองไปเป็นปีๆหรือมากกว่านั้น เมื่อกลับมาอีกครั้ง ธุรกิจนั้นอาจทำกำไรได้มากกว่าเดิมและไปได้สวยกว่าเดิมเสียอีก คนในด้านนี้สามารถไปพักร้อนได้ตลอดกาลเพราะเขาเป็นเจ้าของระบบ ไม่ใช่เจ้าของงาน ถึงแม้จะไปพักร้อนนานสักเพียงใดเงินก็ยังเขากระเป๋าเขาอยู่ คนในด้านนี้จะใช้คนทำงานเพื่อเงิน  
คำพูดของคนด้าน Bก็คือ ฉันกำลังหาประธานบริษัทคนใหม่มาบริหารบริษัทของฉัน


คนในด้าน I (นักลงทุน)
นักลงทุนใช้เงินทำเงิน พวกเขาไม่ต้องทำงาน เพราะเงินทำงานให้พวกเขา ด้าน I เป็นเสมือนสนามเด็กเล่นของคนรวย ไม่ว่าใครจะทำเงินในด้านไหน ถ้าเขาหวังว่าสักวันจะรวย สุดท้ายเขาก็ต้องมาอยู่ในด้าน I มีเฉพาะด้าน I เท่านั้นที่จะแปรเปลี่ยนความรวยเป็นความมั่งคงได้
คำพูดของคนในด้าน I ก็คือ กระแสเงินสดของฉันมาจากอัตราผลตอบแทนหรืออัตราผลตอบแทนสุทธิ?

ตอนนี้คุณคงรู้แล้วนะครับว่าคุณเป็นคนในด้านใด แล้วคุณคิดว่าคุณควรจะอยู่ในด้านใด
คนจนมองหางานทำคนรวยมองหาระบบ 
ขอบคุณที่ติดตามชมครับ ขอบคุณครับ

วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

อิสรภาพทางการเงิน



คุณรู้จักกับคำว่า  อิสรภาพทางการเงิน มากแค่ไหน? คำว่า อิสรภาพทางการเงิน มิได้หมายถึง การมีเงินมากมาย หรือมีกระแสเงินสดไหลเข้ากระเป๋าอย่างต่อเนื่องแบบที่เรียกว่าใช้กันไม่หมด หรือมีเงินใช้โดยไม่ต้องทำงานแต่หมายถึง การมีชีวิตอยู่อย่างพอเพียงมีอิสรภาพในการเลือกที่จะทำ  และเป็นในสิ่งที่ตัวเองต้องการ โดยไม่มีเงินมาเป็นเครื่องพันธนาการความคิด และการตัดสินใจ
ดังนั้น  คำว่า  อิสรภาพทางการเงิน  ของแต่ละคนจึงมีความหมายแตกต่างกัน  โดยความแตกต่างนั้นไม่ได้ขึ้นกับปริมาณเงินที่แต่ละคนมีแต่วัดกันที่  ใครมีเวลาเพื่อที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการมากกว่ากัน?
เรามาดูกันว่าในความคิดของคนเราในทุกวันนี้เป็นอย่างไร  และจะสามารถเปลี่ยนความคิดและการใช้ชีวิตเพื่อไปสู่อิสรภาพทางการเงินได้อย่างไร มาดูกัน



หลังจากที่คุณดูคลิปนี้แล้ว คุณคิดว่าคุณควรจะอยู่ฝังไหน แล้วธุรกิจอะไรที่เหมาะกับคุณมากที่สุดในตอนนี้ ติดตามได้ใน blog ต่อไปนะครับ